คำถามที่ถามบ่อย
บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.54
ในด้านธุรกิจ ปตท. เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ โดย ปตท. ได้ทำสัญญาซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป ในปริมาณอย่างน้อยร้อยละ 49.99 ของกำลังการกลั่นน้ำมันทั้งหมดของบริษัทฯ และในขณะเดียวกัน ปตท. เป็นผู้จัดหาน้ำมันดิบให้กับบริษัทฯ ณ ราคาตลาด
นอกจากนั้น ปตท. ยังได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 ชี้แจงนโยบายในการบริหารจัดการบริษัทในกลุ่มของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน ) โดยย้ำว่า ปตท.ยังคงให้ความสำคัญกับโรงกลั่นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็น Flagship Refinery
คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมภายหลังจากการหักทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ และตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดของบริษัทฯ แผนการลงทุนของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ เห็นสมควร
บริษัทฯ มีแนวทางที่จะขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเพื่อ ตอบสนองตามความต้องการใช้ภายในประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมทั้งขยายการลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อเสริมสร้างให้เกิดการดำเนินธุรกิจเชิงบูรณาการด้านการกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมีที่ต่อเนื่องอย่างครบวงจรและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯ มีความจำนงที่ร่วมประมูลการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ โดยคาดหมายว่ารายได้ที่คงที่จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวนั้น จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่มั่นคงเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง
- กำลังการผลิตเดิม 220,000 บาร์เรล / วัน หรือร้อยละ 21 ของกำลังการกลั่นในประเทศ
- บริษัทฯ ได้ดำเนิน โครงการเพิ่มอุณหภูมิน้ำมันดิบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 1 ( CDU-1) ทำให้มีกำลัง การผลิต เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเริ่มดำเนินการผลิตแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ของปี 2549 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 225,000 บาร์เรลต่อวัน
- บริษัทฯ ได้วางแผน ขยายกำลังการผลิตหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 (CDU-3 De-bottlenecking) อีก 50,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งทำให้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 275,000 บาร์เรล / วัน ในปี 2550
ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจกับบริษัทฯ เป็นเวลากว่าสิบปี บริษัทฯ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปในประเทศให้แก่บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ 3 ราย ประกอบด้วย ปตท. เชลล์ ประเทศไทย และ คาลเท็กซ์ ประเทศไทย ประมาณร้อยละ 60 ของปริมาณการจำหน่ายทั้งหมดของบริษัทฯ ที่เหลือประมาณร้อยละ 30 จำหน่ายให้กับ ไทยพาราไซลีน บางจาก และ ผู้ซื้อรายอื่น และร้อยละ 10 ส่งออกไปยังประเทศในทวีปเอเซีย
ด้วยการเป็นโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) บริษัทฯ จึงสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปได้ตามความต้องการของลูกค้า โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ได้ถูกออกแบบให้มีหน่วยเปลี่ยนแปลงสภาพโมเลกุล (Conversion Unit) ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดกลาง (Middle Distillate) ร้อยละ 60 เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน น้ำมันก๊าด และน้ำมันดีเซล อีกร้อยละ 30 เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเบา (Light Distillate) เช่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว Platformate และ Isomerate ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหนัก (Heavy Oil) เช่น น้ำมันเตา ลองเรสิดิว และยางมะตอย
บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการจัดหาน้ำมันดิบ บริษัทฯ นำเข้าน้ำมันดิบประมาณร้อยละ 80 จากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และเยเมน จัดหาน้ำมันดิบจากในประเทศประมาณร้อยละ 15 และบางส่วนจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกล เช่น บรูไน และมาเลเซีย
- โรงกลั่นไทยออยล์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยมี Shell Global Solutions International (SGSI) เป็นที่ปรึกษาทางเทคนิค
- เป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูง ในกลุ่ม 50 โรงกลั่นของเชลล์
- มีสมรรถนะและผลประกอบการที่ดี ในกลุ่มโรงกลั่นชั้นนำในภูมิภาค ประเมินโดยสถาบันระดับโลก Solomon Associates
- ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมสำเร็จรูป
- เป็นโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สามารถผลิตและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมสำเร็จรูปป้อนตลาดในประเทศเป็นส่วนใหญ่
- ขยายการลงทุนครอบคลุมธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน รวมถึงธุรกิจการผลิตไฟฟ้า และธุรกิจขนส่งทั้งทางท่อ / ทางทะเล
วิสัยทัศน์
ไทยออยล์ มุ่งที่จะเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจเชิงบูรณาการด้านการกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมีที่ต่อเนื่องอย่างครบวงจรในภูมิภาค โดยมีการเติบโตที่ยั่งยืน สามารถเพิ่มมูลค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเหมาะสม และคำนึงถึงดุลยภาพด้านสิ่งแวดล้อม และการเอื้อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
พันธกิจ
- ดำรงสถานะเป็นโรงกลั่นหลัก ที่เอื้อประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการของกลุ่มโรงกลั่น ปตท.
- ขยายขีดความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
- เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก ก้าวสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ ด้วยทีมงานที่มุ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ บนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่นระหว่างกัน